วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

009.เดินทางจากวัดขึ้นชมวิวบนยอดหน้าผาหมอก

โดยรถของวัดที่ท่านเจ้าอาวาสแนะนำว่า ร่วมทำบุญคนละเล็กๆน้อยตามศรัทธา ประมาณคนละ ๕๐ บาทพอได้หลายคนก็ไปส่งให้ที่บันไดทางเดินขึ้นไปพระธาตุ บังเอิญวันนี้ยังเช้าไม่มีคนมาเรามากเราก็เลยบริจาคมากหน่อยกับสองสามีภรรยาที่ก็อยากขึ้นพระธาตุเหมือนกัน เรานังข้างหลังกะบะจะได้ถ่ายภาพตามใจ จากสามแยกที่ถ้าเรากำลังขึ้นมาซ้ายไปวัด ขวาขึ้นพระธาตุระยะทาง๕ กม. ป้ายย้ำว่าขับเคลื่อนสี่ล้อครับเพราะทางชัน ลื่นและไม่มีที่หลีกเวลาสวนกัน
... ลุงหมื่นคนขับรถวัดเล่าติดตลกว่าสมัยที่กำลังก่อสร้างเนื่องจากมีรถขนสิ่งของขึ้นลงหลายคันจึงมีการจ้าง อาสาหมู่บ้านมาเป็นต้นทางแล้วใช้วิทยุสื่อสาร รถข้างล่างกำลังจะขึ้นอาสาฯก็มีวิทยุเตือนว่ามีรถลงเน้อ อย่าเพิ่งขึ้น..คนขับข้างล่างก็รอสักพักมอเตอร์ไชด์ผ่านไป..ก็ยังรอกลัวรถสวนจนนานผิดสังเกตุก็ลองวิทยุไปถามย้ำว่ารถทำไมไม่ลงมาสักที อาสาก็วิทยุตอบว่าลงไปแล้วก็รถมอเตอร์ไชด์คันหนึ่ง....
ทางขึนตลอดไม่มีทางราบ ป่าไม่เบญจพรรณขึ้นสองข้างทาง
มีชาวบ้านเอารถมอเตอร์ไชด์มาจอดข้างทางหาเห็ดเปนระยะๆ
บางช่วงมองเห้นวิวเมืองแจ้ห่มผ่านแมกไม้

การสร้างทางดูมีการระวังการตัดต้นไม้เป้นอย่างดี
ชันและวิวสวย




ได้สัมผัสเมฆแล้วครับ

ต้นไม้ใหญ่ยังรักษาไว้อย่างดีมีการปลูกกล้วยพริก ผักต่างๆตามรายทางด้วย
สิ้นสุดทางรถ ถึงแล้วทางเดินขึ้น หลวงพี่บอกค่อยๆขึ้นไปจะได้ไม่เหนื่อยสว่นหลวงพี่ครู่เดียวก้หายไปจากสายตาพวกเรา

มุมไหนงามก็ถ่ายภาพเก็บไว้



หน้าผากับต้นไม้ที่เหมาะสมกัน


แม้ซอกหินก็เกิดสิ่งมีชีวิต

หน้าผาชันและต้นไผ่
ขั้นบันไดไม่ต้องนับแล้วเหนื่อยขอพักก่อน

บังเอิญเจอกิ้งกือกำลังจะหกคะเมน





ในที่สุดก็มาถึงเสียที
เจดียืแรกที่อยู่ไกล้ตอนเราไปถึง
มองไม่เห็นอะไรเพราะมีแต่เมฆลอยขาวเต็มไปหมด
ตามปกติกราบพระ
ไม่เห็นวิวก็งามไปอีกแบบคงต้องรอเวลาฟ้าเปิด

เดินเข้ากุฎิพระ

หลวงพี่มาถึงนานแล้วทักทายเหนื่อยไหม
พยายยามมองหายเมืองแจ้ห่มข้างล่างที่ไม่ชัดเมฆบัง

อย่างที่บอกไม่เห็นชัดแต่ก็สวยงามไปอีกแบบ ภาพธรรมชาติจริงๆครับ
เรียกว่าเมืองในหมอกก้ไม่ใช่เพราะเราขึ้นมาบนฟ้ายอดเขา
สวยงามมากๆครับ